วันอังคารที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ดอกไม้ ช่วยบำบัดสุขภาพ

ดอกไม้ ช่วยบำบัดสุขภาพ
 
ดอกไม้โปรดของหลาย ๆ คน นอกจากสวยแล้ว เป็นตัวช่วยให้สุขภาพดีได้อีกด้วย
1. แดง ขาว ชมพู... ดอกกุหลาบ     
แม้จะมีหนามแหลม แต่ก็หลากสีสดใส ทั้ง แดง ขาว ชมพู เหลือง ฯลฯ ที่สร้างความสดใสให้กับเราได้ไม่รู้เบื่อ นอกจากนี้ กลิ่นหอมของกุหลาบ นอกจากจะช่วยสร้างความสดชื่นแล้ว ยังช่วยควบคุมระดับฮอร์โมนผู้หญิง เพราะกลิ่นกุหลาบมีส่วนเกี่ยวข้องกับระบบสืบพันธุ์ในเพศหญิง รวมถึงเป็นส่วนผสมในเครื่องสำอาง มักพบในครีมบำรุงผิวลดริ้วรอย ช่วยให้ผิวกระชับ เต่งตึง ซึ่งทำให้เส้นเลือดแข็งแรง

2. ขาว... ดอกมะลิ      
ดอกไม้สีขาวให้ความรู้สึกสงบ สบายใจ กลิ่นหอมเย็นช่วยต้านอาการซึมเศร้า ทำให้จิตใจเบิกบาน นอกจากนี้ มะลิยังใช้ในการทำน้ำหอม ด้วยกลิ่นหอมเย็น ๆ เย้ายวนใจ นิยมใช้ในผลิตภัณฑ์ความงามสำหรับคนผิวแห้ง

3. แดง ชมพู... ดอกเจอราเนียม      
สีแดง ชมพู ช่วยสร้างบรรยากาศให้สดชื่น น่าทะนุถนอม น้ำมันหอมระเหยที่สกัดจากกลิ่นเจอราเนียมมีสรรพคุณช่วยให้จิตใจสุขุมเยือก เย็น และเป็นส่วนสำคัญที่พบในสบู่ ครีม และน้ำหอม เจอราเนียมเหมาะกับผิวทุกประเภท

4. ม่วง... ดอกลาเวนเดอร์     
สีม่วงที่ดูไม่เศร้าหมอง แต่กลับให้ความรู้สึกสบาย โรแมนติกนิด ๆ กลิ่นหอมของลาเวนเดอร์ ช่วยให้จิตใจสุขุมเยือกเย็น มีสรรพคุณช่วยลดความเครียด และบรรเทาอาการปวดศีรษะ ช่วยให้หลับสบาย นิยมใช้ในผลิตภัณฑ์ความงาม ช่วยให้ผิวอ่อนเยาว์ ใช้รักษาโรคผิวหนังอักเสบ และใช้เป็นยารักษาสิวได้

5. เหลืองทอง.. ดอกดาวเรือง      
สีเหลืองอร่ามมองดูแล้วจะทำให้ความเครียดลดลง สารสกัดจากดอกดาวเรือง (คาเลนดูล่า) ช่วยแก้ปัญหาผิวหนัง เช่น โรคผิวหนังอักเสบ แผลเป็น และผิวหนังแห้งแตก กลีบดอกดาวเรืองใช้ทำยาล้างตา กลิ่นหอมฉุนช่วยให้บ้านสดชื่น ต่อสู้กับพลังงานจากคอมพิวเตอร์ที่เป็นอันตรายต่อร่างกายและมลพิษทางเสียง

6. เหลืองอ่อน... ดอกกระดังงา      
กลีบดอกดูละมุนละไม น่ารัก สีเหลืองอ่อนชวนมอง กลิ่นช่วยให้ร่างกายผลิตเซโรโทนิน (Serotonin) ซึ่งเป็นสารเคมีในสมองที่สำคัญที่สุด ทำให้มีความสุข จิตใจสงบ อารมณ์ไม่แปรปรวน คลายความเมื่อยล้า สมองทำงานอย่างเป็นระบบ ป้องกันโรคไมเกรนและโรคเครียดได้ 
เพียงรู้จักเลือกใช้ สีสวยและกลิ่นหอมของดอกไม้ก็จะช่วยให้คุณสาว ๆ ทั้งหลายผ่อนคลายพร้อมกับสุขภาพดี ทั้งสวยและดีแบบนี้จะอดใจไม่หลงรักได้ยังไงกันล่ะ

วันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ล้างพิษตับ ทำเพื่ออะไร ?

ล้างพิษตับ ทำเพื่ออะไร ?
 
แม้สรรพคุณของการดีท็อกซ์ตับที่เล่าลือกันมา จะเลิศเว่อร์จนดูไม่น่าเชื่อถือ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเรื่องนี้ไม่จริง หรือไม่ดีนะ แต่ทำแล้วดีแค่ไหน? วิธีง่าย ๆ มีไหม? 

ทุกวันนี้ร่างกายคนเรารับสารพิษต่าง ๆ เข้าไปมากมาย ทั้งยาฆ่าแมลง สารกันบูด สารปรุงแต่งในอาหารต่าง ๆ เหล้า บุหรี่ แม้แต่ยารักษาโรคที่กินเข้าไปก็ถือเป็นสารพิษชนิดหนึ่งเหมือนกัน และหน้าที่หนึ่งของ "ตับ" ก็คือทำลายสารพิษ ดังนั้น เมื่อร่างกายมีสารพิษเยอะ ตับก็ต้องทำงานหนัก เราจึงต้องหันมาใจดูแลอวัยวะชิ้นนี้กันสักหน่อย

ตับนั้น สำคัญไฉน?

หน้าที่ของตับมีมากมายหลายร้อยอย่าง หลัก ๆ ก็จะเกี่ยวข้องกับการสร้างโปรตีน เม็ดเลือด ฮอร์โมน และน้ำดีที่จะช่วยในการย่อยอาหารจำพวกไขมัน การทำลายสารพิษต่าง ๆ ที่รับเข้ามา รวมถึงของเสียที่ร่างกายผลิตขึ้นมาเอง และการกักเก็บเลือด ไขมัน อาหารไว้ให้ร่างกายใช้ในยามจำเป็น ทำให้เราสามารถอดอาหารได้นานเป็นวัน ๆ

ถึงแม้ตับจะเป็นโรงงานทำลายสารพิษ แต่อย่าเข้าใจผิดว่าตับเป็นแหล่งสะสมของสารพิษนะคะ คุณหมอวัชชิระ ชี้ว่า เมื่อสารพิษเข้ามาในร่างกายก็จะไปอยู่ในเลือด ไม่ได้คั่งอยู่ตับ เมื่อเลือดพาสารพิษเข้ามากำจัด ตับก็จะแปรสภาพให้เป็นของที่ไม่เป็นพิษต่อร่างกาย ถ้าเป็นสารที่ละลายน้ำก็จะขับออกทางไตระบายไปเป็นเหงื่อและปัสสาวะ แต่ถ้าเป็นสารที่ไม่ละลายน้ำก็จะขับออกมาทางน้ำดี ผ่านมาทางลำไส้ใหญ่ ผสมปนออกไปกับอุจจาระ

แล้วทำไมเรายังต้องดีท็อกซ์ตับ?

ร่างกายเรามีระบบกำจัดของเสียอยู่แล้ว แต่การดีท็อกซ์ก็เป็นเหมือนตัวช่วยที่จะเร่งกระบวนการนี้ให้เร็วขึ้น และให้เวลาตับได้ทำลายพิษเก่า ๆ ที่ตกค้างอยู่ในร่างกายมากขึ้น เนื่องจากทุกวันนี้เรารับสารพิษกันเข้าไปไม่หยุดหย่อน ในขณะที่ความสามารถของตับก็มีจำกัด เมื่ออัตราการทำลายไม่เท่ากับอัตราการรับ อาการเจ็บป่วยก็จะเกิดขึ้นได้

ดีท็อกซ์ตับ ทำได้ยังไง

สูตรการดีท็อกซ์ตับที่พูดถึงกันอย่างมากในช่วงนี้เป็นสูตรที่ผู้คิดค้นคือ คุณแก่นฟ้า แสนเมือง ได้ผสมผสานวิธีการล้างพิษในต่างประเทศกับภูมิปัญญาแพทย์แผ่นไทย มีการจัดเข้าแคมป์เพื่อดีท็อกซ์ตับโดยเฉพาะ กระบวนการทั้งหมดจะใช้เวลาประมาณ 6 วัน หลักการสำคัญแบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอนคือ

1. ในช่วง 4 วันแรกอดอาหาร ดื่มเพียงเครื่องดื่มที่ไม่มีมาก และดื่มน้ำลิดท็อกซ์ (เครื่องดื่มสมุนไพรชนิดหนึ่ง) แทนอาหาร
     
2. ทำการสวนล้างลำไส้จนแน่ใจว่าไม่มีอะไรตกค้างแล้ว
     
3. ดื่มน้ำดีเกลือ และในช่วงเวลาที่ท่อน้ำดีเปิดกว้างที่สุดตามนาฬิกาชีวิต (22.00 น.) ให้ดื่มน้ำมันมะกอก 150 ซี.ซี. ผสมน้ำมะนาว 150 ซี.ซี. และดีท็อกซ์ออกในช่วงเช้าของวันรุ่งขึ้น เมื่อในลำไส้ไม่มีสิ่งตกค้าง จึงเชื่อกันว่าสิ่งที่ออกมานั้นน่าจะออกมาจากตับและถุงน้ำดี

ทำตามสูตรนี้แล้วดีแค่ไหน?

เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าวิธีการนี้ก็เป็นหนึ่งในการแพทย์ทางเลือกที่ได้ผลและ น่าสนใจ ถ้าวิเคราะห์ตามหลักการทางวิทยาศาสตร์ สิ่งที่พอจะบอกได้ถึงประโยชน์ของการทำดีท็อกซ์ตามสูตรดังกล่าว เรื่องแรกก็คือ ผลจากการอดอาหาร เมื่อเราไม่กินอาหารก็หมายถึงเราจะงดรับสารพิษเข้าสู่ร่างกายไปโดยปริยาย เมื่อไม่มีพิษใหม่ ๆ ร่างกายก็จะกำจัดพิษตกค้างได้อย่างเต็มที่

เรื่องถัดมาก็คือ การดื่มน้ำมันมะกอก ทุกครั้งที่ร่างกายเราได้รับไขมัน ก็จะมีการส่งสัญญาณให้ตับผลิตน้ำดีออกมาเพื่อช่วยในการย่อย เมื่อดื่มน้ำมันมะกอกเข้าไปจำนวนมาก น้ำดีก็จะถูกผลิตออกมามาก และเนื่องจากตับจะขับสารพิษส่วนหนึ่งออกมาทางน้ำดี กระบวนการนี้จึงเหมือนกับเพิ่มการพาสารพิษออกจากร่างกายนั่นเอง อีกอย่างการที่น้ำดีถูกผลิตออกมามาก ๆ ยังทำให้ความเข้มข้นเปลี่ยนไป นิ่วในถุงน้ำดีที่เกิดจากการตกตะกอนของคอเลสเตอรอลก็จะละลาย มีขนาดเล็กลง หรือหายไปได้

สรรพคุณไม่ได้ดีเลิศครอบจักรวาล

แม้แต่ผู้ที่จัดหลักสูตรล้างพิษตับเองยังเคยกล่าวไว้ว่า หลักสูตรนี้ไม่ใช่หลักสูตรรักษาคนป่วย คนป่วยควรจะไปหาหมอที่มีหน้าที่โดยตรง คนมาเข้าหลักสูตรต้องมีร่างกายแข็งแรงพอที่จะเข้าร่วมกิจกรรมได้ ดังนั้น อย่าคาดหวังว่าการดีท็อกซ์ตับจะสามารถช่วยเหลือคุณได้ทั้งหมด ประโยชน์ของการดีท็อกซ์ตับยังไม่มีการค้นคว้าวิจัยอย่างจริงจัง และยังไม่มีการพิสูจน์ในเชิงวิทยาศาสตร์

ในเรื่องของสิ่งที่ออกมาหลังจากการดีท็อกซ์ที่มาระบุว่าอันนี้เป็นนิ่ว อันนั้นเป็นมะเร็งนั้น คุณหมอวัชชิระบอกว่า ท่อน้ำดีของคนเราที่ใหญ่ที่สุดมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1 เซนติเมตรเท่านั้น ไม่มีทางที่ก้อนใหญ่ ๆ ที่เราเห็นจะเป็นนิ่วที่หลุดมาจากถุงน้ำดีได้ น่าจะเป็นผลของปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นจากสิ่งที่เรากินเข้าไปต่างหาก การที่คนมีนิ่วในถุงน้ำดีแล้วนิ่วหายไปหลังจากดีท็อกซ์ น่าจะเป็นเพราะนิ่วนั้นละลายไปมากกว่าจะหลุดออกมาทั้งก้อน และบางคนที่ไม่มีมีนิ่วในถุงน้ำดีเลย เมื่อกินสิ่งที่เขาให้กินตามสูตรก็จะอออกมาลักษณะอย่างนั้น เช่นนั้น

ส่วนกรณีที่มีคนไข้หายจากมะเร็งนั้นก็ไม่ได้ หมายความว่าก้อนมะเร็งหลุดออกมาจากการดีท็อกซ์ต้องเข้าใจก่อนว่าปกติทุกคนมี เซลล์มะเร็งเกิดขึ้นในตัวทุกวันอยู่แล้ว แต่ร่างกายเราจัดการไม่ได้ มะเร็งจึงเติบขึ้นมา มีความเป็นไปได้ว่าเมื่อล้างพิษออกไปแล้วสุขภาพก็ดีขึ้น ภูมิต้านทานของร่างกาย ก็แข็งแรงจนสามารถจัดการกับเซลล์มะเร็งได้

ดูน่ากลัว แต่เป็นเรื่องปกติ

หลังจากเห็นสิ่งที่ออกมาจากการดีท็อกซ์หลายคนอาจจะถึงกับช็อกกับภาพของเสีย ที่เห็นและกลิ่นเหม็นที่รุนแรง คุณหมอบอกว่ารูปลักษณ์และกลิ่นแย่ ๆ ของสิ่งที่ออกมานั้นเป็นเพราะกระบวนการย่อยยังไม่เสร็จสิ้น เราก็ไปสวนล้างลำไส้เร่งให้เขาออกมา มันถึงดูน่ากลัวว่าอุจจาระตามปกติหลายเท่า แต่ไม่ได้หมายความว่าอวัยวะข้างในของเราเน่าหรือสกปรกแต่อย่างใด

น้ำมะตูมหอมหวานชุ่มคอ เครื่องดื่มจากสมุนไพรไทย

น้ำมะตูมหอมหวานชุ่มคอ เครื่องดื่มจากสมุนไพรไทย


 น้ำมะตูมหอมหวานชุ่มคอจากสมุนไพรไทย

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม


          น้ำสมุนไพรไทยหอม ๆ หวาน ๆ อย่างน้ำมะตูมที่ครั้งไหนได้ดื่มเป็นต้องชุ่มคอทุกครั้งไป เดินทางไปไหนมาไหนเหนื่อย ๆ ถ้าได้น้ำมะตูมสักแก้วก็จะหายเหนื่อยได้เป็นปลิดทิ้ง แก้กระหายน้ำได้ดี แถมยังช่วยขับลมจุกเสียดในท้อง รักษาโรคกระเพาะ และโรคลำไส้ได้อีกด้วยเพราะมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อน ๆ วันนี้เราจึงนำสูตรการทำน้ำมะตูมมาฝากให้ลองทำดื่มแก้กระหายกันดูค่ะ


สิ่งที่ต้องเตรียม


           มะตูมแห้ง 5 ชิ้น

           น้ำ 1 ลิตร

           น้ำตาลทรายแดง 50 กรัม

           น้ำแข็งสำหรับรับประทานคู่

 วิธีทำ

           1. นำมะตูมแห้งไปย่างไฟ หรือคั่วในกระทะจนมีกลิ่นหอม เตรียมไว้

           2. ใส่น้ำลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟปานกลางต้มจนเดือด ใส่มะตูมที่ย่างไฟเตรียมไว้ลงต้มจนน้ำเปลี่ยนสี หรือนานประมาณ 10 นาที จากนั้นใส่น้ำตาลทรายแดง คนผสมจนน้ำตาลละลายหมด ยกลงจากเตา กรองเอากากออก พักทิ้งไว้จนเย็น เทใส่แก้วที่มีน้ำแข็ง พร้อมดื่ม

          ประโยชน์จากสมุนไพรไทยอย่างมะตูมมีมากมายเหลือเกิน หาซื้อก็ง่ายตามตลาด หรือร้านขายสมุนไพรทั่วไป แถมยังทำง่ายอีกด้วย อย่าลืมลองทำดื่มเพื่อสุขภาพที่ดีกันนะคะ

วันพุธที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

3 เคล็ดลับผิวสวยแบบญี่ปุ่น


3 เคล็ดลับ ผิวสวย แบบสาวญี่ปุ่น

By admin — May 02, 2012
3 เคล็ดลับ ผิวสวย แบบสาวญี่ปุ่น
… เดินผ่านนักท่องเที่ยวสาวชาวญี่ปุ่นทีไร สาวไทยอย่างเราก็แอบนึกอิจฉาผิวหน้าใสๆ ขาวอมชมพู  เรียบเนียนของพวกเธอไม่ได้   วันนี้เรามีวิธีการดูแลผิวของบรรดาสาวๆ แดนปลาดิบมาฝาก ว่าเธอเหล่านั้นมีเคล็ดลับอะไรซ่อนอยู่
ผิวของสาวญี่ปุ่นนั้นอาจจะมองว่าเป็นผิวคนละแบบกัน  ความขาวของสาวไทยอาจจะสู้สาวญี่ปุ่นไม่ได้ แต่การดูแลรักษาผิวหน้าให้สุขภาพดีนั้นสาวญี่ปุ่นเธอถูกปลูกฝังมาโดยตลอด  รวมถึงขั้นตอนการดูแลผิวหน้า ทำความสะอาดในแต่ละวันเธอเหล่านั้นจะให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ซึ่งใช้เวลาอย่างน้อยนานถึง 10 นาทีต่อวัน
มาเริ่มต้นดูผลิตภัณฑ์ที่บรรดาสาวแดนปลาดิบขาดไม่ได้เลยคือ Eye&Lips make up removal , Facial Foam,Cleaning,Whip wash net,Toner/Aqua lotion ,Serum/Essence/Milky lotion/Cream/Emulsion โดยแต่ละอย่างต้องมีขั้นตอนและรายละเอียดในการทำความสะอาดผิว 3 ขั้นตอนดังนี้
- Cleaning  ใบหน้าที่เต็มไปด้วยเครื่องสำอาง ที่สาวๆ ประโคมลงบนใบหน้าทุกเช้า  การทำความสะอาดด้วยน้ำเปล่าอาจจะไม่เพียงพอ  โดยเฉพาะบริเวณที่ลบเลือนได้ยาก เช่น รอบดวงตา ปาก  ควรใช้ Eye & Lip make up removal  เช็ดโดยทาลงบนสำลี แปะตามจุดต่างๆ ทิ้งไว้ 5 วินาที แล้วค่อยปาดออก ห้ามใช้วิธีการถูแรงๆ เด็ดขาด เพราะจะทำให้ใบหน้าเกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นได้  หลังจากนั้นล้างเครื่องสำอางที่เหลือด้วย Cleaning oil บีบใส่มือ แล้วนวดให้ทั่วใบหน้า หรือหากเป็นครีมน้ำนมให้เทลงบนสำลีแล้วเช็ด ล้างด้วยน้ำอุ่นเบาๆ จากนั้นล้างหน้าด้วยโฟมล้างหน้า นวดถูให้ทั่วใบหน้า 3-4 นาที ช่วยนวดหน้าไปในตัว (เคล็ดลับของสาวญี่ปุ่น นิยมใช้ตาข่ายตีโฟม  เพราะไม่ต้องการให้หน้าสัมผัสกับมือ เพราะมืออาจจะไม่สะอาด หรือหากลงน้ำหนักแรงเกินไปก็อาจจะเกิดริ้วรอยได้ง่าย ) จากนั้นล้างออกแล้วซับหน้าให้แห้ง
-  Hydration  เป็นวิธีการเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหน้า  ด้วย Toner / Aqua lotion เทลงบนฝ่ามือแล้วตบเบาๆ ให้ทั่วใบหน้า  หรือถ้ามีเวลาก็สามารถทำมาสก์ได้  โดยน้ำ Toner แช่เย็นเทใส่ทิชชูหรือกระดาษคอลลาเจน แล้วแปะให้ทั่วใบหน้าทิ้งไว้ 3 นาที เพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิวหน้าได้อย่างดี  จากนั้นลง Toner ที่แช่เย็น มาเทใสลงทิชชูหรือ กระดาษคอลลาเจน ที่ตัดตามรูปหน้า แล้ว แปะลงบนใบหน้าทิ้งไว้ 3 นาที จะเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้าได้มาก Serum /Essence ซึ่งเป็นอาหารผิวในปริมาณที่เข้มข้นสูง ช่วยลดปัญหาจุด กระ ฝ้า รูขุมขนกว้าง ทิ้งเอาไว้ 2 นาที แล้วทาครีมบำรุง สำหรับผู้ที่มีปัญหา ฝ้า ริ้วรอย ในช่วงเช้าอาจจะทาครีมเซรั่มสำหรับแก้ปัญหาริ้วรอยพร้อมกันแดด และในช่วงกลางคืน ทาซีรั่มแก้ปัญหาฝ้า พร้อมครีมบำรุงผิวในปริมาณที่เหมาะสม  เพราะการทาเยอะเกินก็อาจจะส่งผลให้เกิดปัญญหาหน้ามัน ก่อให้เกิดสิวได้
- Moisture เติมน้ำมันให้แก่ผิว หลังจากที่เราล้างหน้า อาจจะทำให้เสียความชุ่มชื้นออกไปตามธรรมชาติ ทำให้หน้าแห้ง เราจึงควรเติมสิ่งที่สูญเสียกลับคืนสู่ผิวหน้า สำหรับคนผิวมันหรือเป็นสิวง่ายก็ควรใช้แต่น้อย เพื่อไม้ให้เกิดความมันไปมากกว่าเดิม หลังจากนั้นบำรุงด้วย Eye Cream บำรุงรอบดวงตา  ซึ่งเป็นผิวที่มีความอ่อนโยน จึงจำเป็นต้องใช้ครีมที่เหมาะสมเฉพาะส่วนเพื่อลดรอยด่างดำ เหี่ยวย่น
สิ่งที่สำคัญที่สุดเพื่อให้ผิวหลีกเลี่ยงจากแสงแดดที่เป็นตัวก่อให้เกิดปัญหาผิวนั้น คือการทาครีมกันแดดให้ติดเป็นนิสัย  รวมถึงการดูแลอาหารการกินให้ถูกต้องเช่น อาหารที่มีวิตามิน เอ ซี อี ซึ่งมีสารอาหารที่บำรุงผิวได้ดี
… เท่านี้สาวๆ ไทยก็มีสุขภาพผิวที่ดีตามแบบสาวญี่ปุ่นได้ง่ายๆ..

วันอังคารที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2555


บอกสาว ๆ กินอย่างไร ให้สุขภาพดี


อาหารเพื่อสุขภาพ

บอกลาตัวเรา ในวันวาน กินอย่างไร ให้สุขภาพดี (แม่บ้าน)
เรื่อง : ควินน์

          เคยสงสัยตัวเองไหมว่า พฤติกรรมการบริโภคอาหารของตัวเองควรจะมีการแก้ไขไหม เป็นพฤติกรรมที่ควรจะทำหรือเปล่า ปัจจุบันคนไทย เรามีนิสัยการบริโภคที่ไม่ถูกเท่าที่ควรนัก ทั้งที่มีกระแสรักสุขภาพเพิ่มมากขึ้นทุกปี แต่กลับมีวิธีการกินที่ผิด ๆ เข้ามาแทนที่เสียนี่ ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราจะเริ่มเปลี่ยนตัวเองมาสู่วิธีการกินที่ถูกต้องก็ในเมื่อชีวิตนี้มีแค่ชีวิตเดียว เราก็ควรจะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่ตัวเรา

พฤติกรรมและวินัยการบริโภคผิด ๆ

          ถ้าให้พูดถึงวิธีการบริโภคที่ไม่ถูกต้อง สามารถกล่าวถึงได้หลายอย่าง บางอย่างก็เป็นสิ่งที่ไม่รู้ตัวและไม่ให้ความสำคัญ โดยเฉพาะบางอย่างเป็นสิ่งที่ใคร ๆ เขาก็ทำกัน

           การเคี้ยวอาหารไม่ละเอียด สิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องเล็กกลับเป็นเรื่องที่ใหญ่อย่างคาดไม่ถึง เพราะจะทำให้ลำไส้และกระเพาะอาหารทำงานหนักขึ้น เหมือนเราใช้งานร่างกายหนักขึ้น วันหรือสองวันอาจจะไม่มีผลอะไรแต่อย่าลืมว่าเราต้องกินข้าวและเคี้ยวอาหารตลอดชีวิตของเรา

           ติดนิสัยกินอาหารจุบจิบ เป็นอุปนิสัยการกินที่จะทำให้เกิดโรคอ้วน เพราะการหยิบของใกล้มือมากินตลอดเวลา โดยเฉพาะขนมขบเคี้ยวและของทอด โดยไม่คำนึงถึงไขมันและแคลอรีส่วนเกิน

           ไม่กินอาหารเช้า จากชีวิตในสังคมเมืองที่ต้องเร่งรีบวิ่งตามเวลา บางครั้งการเตรียมอาหารเช้าจะเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก เมื่อไม่ได้รับประทานอาหารเช้าก็จะทำให้หงุดหงิดง่ายความจำไม่ดี ความรู้สึกเฉื่อยชา ไม่ว่องไว

           เลือกรับประทาน อุปนิสัยการรับประทานของผู้คนสมัยนี้จะแสวงหาแต่สิ่งที่ชอบและพึงพอใจ กินอาหารปรุงแต่งรสชาติ ไม่กินผักผลไม้ รับประทานแต่เนื้อสัตว์ ทำให้ขาดวิตามินและแร่ธาตุบางอย่างที่จำเป็นกับร่างกาย ด้วยเหตุผลง่าย ๆ ที่ว่ากินตามใจปาก

           กินอาหารไม่เป็นเวลา หากเป็นเมื่อก่อนการกินอาหารไม่เป็นเวลาอาจจะมีของแถมมาเป็นโรคกระเพาะอาหารเพียงเท่านั้น แต่ปัจจุบันกลับมีโรคกรดไหลย้อนเข้ามาให้ระแวงเพิ่มอีก กลายเป็น 2 โรคยอดฮิตในหมู่หนุ่มสาวสมัยนี้ไปเสียแล้ว

          สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงอุปนิสัยการรับประทานเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่สามารถให้ผลกระทบในด้านสุขภาพและร่างกายของเราได้ในระยะยาว ถ้าเราไม่คิดจะแก้ไข

อาหารเพื่อสุขภาพ


เปลี่ยนการกินอย่างไรให้สุขภาพดี

          บางครั้งการพยายามกินอาหารที่ดีมีประโยชน์ ก็เป็นอะไรที่น่าเหนื่อยใจไม่ใช่น้อย เพราะข้อห้ามทั้งหลายที่กินนั่นไม่ได้กินนี่ไม่ดี ทำให้รู้สึกว่าชีวิตของเรามันดูยากขึ้น จนเราเลิกล้มความตั้งใจไปก่อนที่จะได้ทำจริง ๆ การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการกินง่าย ๆ ก็ช่วยเราให้สุขภาพดีได้โดยไม่ต้องซื้อหา

           เริ่มวันใหม่ด้วยอาหารเช้า หากคุณไม่มีเวลาพอที่จะกินอาหารเช้ามื้อใหญ่ ลองมองหาอาหารที่สามารถหยิบมากินได้ง่าย ๆ อย่างโยเกิร์ตกับกล้วยน้ำว้าสุก ซึ่งกล้วยน้ำว้าเป็นแหล่งโปรตีน วิตามินเอ ซี บี 1 บี 2 บี 6 นอกจากจะได้ประโยชน์แล้วยังไม่อ้วนด้วย อาหารเช้าเป็นมื้ออาหารที่ทำให้ระบบย่อยอาหาร การดูดซึม และระบบเผาผลาญในร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงทำให้กินอาหารมื้ออื่น ๆ ได้น้อยลง

           เปลี่ยนของจุบจิบจำพวกขนมขบเคี้ยวเป็นของที่มีประโยชน์ การห้ามกินของจุบจิบในระหว่างมื้อกลางวัน หรือการกินของว่าง ก่อนนอน หรือช่วงระหว่างดูละครเป็นไปได้ยาก เพราะนับได้ว่าเป็นอุปนิสัยที่เราทำไปโดยไม่รู้ตัว เราก็แทนที่ของเหล่านั้นด้วยผลไม้ที่มีกากใยสูง และมีวิตามินแทนดีกว่า เพราะผลการวิจัยเขาบอกไว้ว่าการกินหลายมื้อไม่ได้ทำให้อ้วน แต่เราจะอ้วนจากการที่ใน 1 วัน เรากินอาหารที่ไม่จำกัดแคลอรี กินเกินกว่าความสามารถในการเผาผลาญของร่างกาย

           หันมากินมังสวิรัติบ้าง ตอนนี้กระแสการกินอาหารมังสวิรัติในวันเกิดของตัวเองกำลังเป็นที่นิยม โดยมีจุดเริ่มต้นจากความคิดในการทำบุญ ใน 1 อาทิตย์หรือ 1 เดือน เราอาจจะเลือก 1 วันที่เราจะกินอาหารมังสวิรัติขึ้นมาและตั้งใจทำให้ได้ การกินมังสวิรัติก็เหมือนกับการดีท็อกซ์ร่างกาย แถมยังได้ความสุขทางใจ สุขภาพจิตก็ดีขึ้น

           เคี้ยวอาหารให้ช้าลง ทุกวันนี้เราคงไม่ได้สังเกตตัวเองว่าในการกินอาหาร 1 มื้อ เราใช้เวลารวดเร็วมาก ๆ แทนที่จะได้ดื่มต่ำกับรสชาติอาหาร กลับรีบเคี้ยวกลืน และกินให้ไว้ไว้ก่อน ซึ่งถ้าเราลองเปลี่ยนมาเคี้ยวอาหารให้ช้าลง เคี้ยวได้ละเอียดขึ้นจะช่วยทำให้อาหารดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย กระเพาะไม่ต้องทำงานหนัก และยังช่วยให้จิตใจสงบและผ่อนคลายอีกด้วย

           พยายามกินอาหารให้ได้ทุกหมวดหมู่ เราอาจจะไม่ชอบกินอาหารบางชนิด อย่างบางคนที่ไม่ชอบรสชาติของอาหารบางอย่าง เราไม่ต้องถึงขนาดอดทนกล้ำกลืนกินเข้าไป แต่ให้ไปหาอาหารชนิดอื่นที่มีคุณค่าใกล้เคียงกันมากันมากินก็ได้ เพราะแทนที่จะฝืนทนกินให้จิตใจเครียดและปฏิเสธ แทนที่สุขภาพจะดีขึ้นแต่กลับจะแย่ลงเสียมากกว่า

           ดื่มน้ำสะอาดให้พอเพียง หากไม่มีเวลาดื่มระหว่างวัน แนะนำให้ลองดื่มน้ำเปล่าตอนตื่นนอนวันละ 1-2 แก้ว และก่อนนอนอีก 1-2 แก้ว ก็ได้เพราะตอนเช้าระดับความเข้มข้นของเลือดสูง ร่างกายเราจะรู้สึกว่าขาดน้ำ ก่อนนอนก็ควรจะดื่มสัก 1-2 แก้ว เพื่อให้น้ำไปชำระล้างสิ่งตกค้างในลำไส้และกระเพาะอาหาร

           เปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนรักการออกกำลังกาย ทั้งนี้แม้คุณจะกินอาหารที่ดีเพียงใด แต่การออกกำลังกายก็ยังเป็นยาวิเศษที่ช่วยชะลอการเกิดโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ เราไม่จำเป็นจะต้องออกไปวิ่ง หรือเข้ายิมทุกวัน แต่ใช้เวลาว่างระหว่างวันเพียงแค่ 10 นาที ก็สามารถออกกำลังกายง่าย ๆ ได้ หรือใช้บันไดในการขึ้นลงระหว่างชั้นให้มากขึ้นก็ได้

          การตั้งมั่นตั้งใจทำสิ่งใหม่ ๆ เป็นเรื่องดี อย่างการที่อยากจะปรับเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ แต่หากทำโดยตั้งอยู่ในพื้นฐานของความเคร่งเครียดในการผลักคันตัวเองมากเกินไป จะทำรู้สึกไม่มีความสุข ความพยายามจะไม่เป็นผล ดังนั้นการจะเปลี่ยนตัวเองนั้น หากค่อย ๆ เปลี่ยนสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ทำจนเป็นกิจวัตรนิสัย เชื่อแน่ว่าสุขภาพดี จิตใจสงบ ความรู้สึกดี ๆ จะเกิดขึ้นกับตัวเราแน่นอน

วันเสาร์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2555



เคล็ดลับ ลดน้ำหนัก ด้วยน้ำเปล่า
เคล็ดลับ ลดน้ำหนัก.
…..สาวๆ หลายคน มักใส่ใจในเรื่องของสุขภาพร่างกายมากยิ่งขึ้น แต่สำหรับสาวๆ บางคน อาจจะไม่มีเวลาได้ดูแลตัวเองสักเท่าไหร่ อยากลดน้ำหนักส่วนเกินออก แต่ดันไม่มีเวลา มาลองดูกันกับเคล็ดลับง่ายๆ แบบนี้ดูสิคะ รับรองว่า เวิร์คชัวร์ค๊า…
…..เคล็ดลับการลดน้ำหนัก ที่ว่านี้ ก็คือการเลือกดื่มน้ำเปล่า แทนการอดอาหารนั่นเองค่ะ น้ำเปล่า เป็นตัวเลือกที่ดีและเหมาะสม อีกหนึ่งตัวเลือกเลยนะคะ ที่คุณสาวๆ สามารถใช้เป็นตัวช่วยในการลดน้ำหนักในแต่ละวันได้ การลดน้ำหนักด้วยการดื่มน้ำนั้น ก็มีเคล็ดลับแบบง่ายๆ โดยให้คุณสาวๆ ดื่มน้ำเปล่า 2 แก้ว ก่อนการทานอาหารครึ่งชั่วโมง ในทุกๆ มื้ออาหาร จะส่งผลทำให้คุณสาวๆ มีความอยากในการทานอาหารลดน้อยลง
…..แถมยังมีผลการวิจัย (Institute for Public Health and Water Research และ Virginia Tech University ประเทศสหรัฐอเมริกา) ระบุว่า น้ำเปล่านั้น สามารถเข้าไปช่วยทำให้เกิดการเผาผลาญไขมัน และน้ำตาลในร่างกายได้
…..ศาสตราจารย์ ดร. บาร์รี ป็อปคิน ผู้อำนวยการศูนย์ UNC Interdisciplinary Obesity Center (IDOC) ประจำมหาวิทยาลัยนอร์ธแคโรไลนา ประเทศสหรัฐอเมริกา แสดงทัศนะว่า การดื่มน้ำเปล่าในปริมาณเหมาะสมช่วยลดน้ำหนัก เพราะเหตุผลสองประการ คือ ประการที่หนึ่ง “น้ำทำให้อุณหภูมิภายในร่างกายลดลง ร่างกายจึงเผาผลาญพลังงานเพิ่มขึ้น เพื่อให้เกิดสมดุลความร้อน ส่งผลให้อาหารและพลังงานถูกเผาผลาญตามไปด้วย ช่วยลดปริมาณไขมันส่วนเกินสะสม
…..ประการที่สอง “เมื่อดื่มน้ำเปล่ามากขึ้น ทำให้ลดโอกาสดื่มน้ำหวาน หรือเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง ส่งผลให้ร่างกายได้รับพลังงานน้อยลง จึงควบคุมน้ำหนักง่ายขึ้น
…..นอกจากนี้ คุณสาวๆ จะต้องหลีกเลี่ยง การดื่มน้ำอัดลม ชา กาแฟ น้ำหวานต่างๆ ไม่ว่าคุณสาวๆ จะอยากทานมากแค่ไหน ก็ต้องหลีกเลี่ยงให้ได้มากที่สุด เพราะเครื่องดื่มเหล่านั้น เป็นตัวเพิ่มระดับน้ำตาลให้กับร่างกายได้สูงมากขึ้น แถมยังยากต่อการเผาผลาญอีกด้วยนะคะ
…..อ๊ะๆ คุณสาวๆ อย่าเพิ่งรีบร้อน จนหาทางออกของการลดน้ำหนักด้วยการดื่มน้ำเปล่าเพียงอย่างเดียวนะคะ นอกจากการดื่มน้ำเปล่าแล้ว คุณสาวๆ จะต้องเลือกอาหารที่พอเหมาะ และมีประโยชน์กับร่างกายด้วย ที่สำคัญ คุณสาวๆ จะต้องไม่ลืมที่จะออกกำลังกายควบคู่ไปด้วยนะคะ จะได้สวย ใส น่ารัก มีสุขภาพดี สมบูรณ์แบบได้ค่ะ
ขอบคุณเนื้อหาจาก นิตยสาร ชีวจิต


ไข่ต้ม สารพัดประโยชน์เพื่อสุขภาพ


ไข่ต้ม สารพัดประโยชน์เพื่อสุขภาพ
ไข่ต้ม.
…..อาหารมื้อเช้า คุณสาวๆ เลือกทานอะไรกันเอ่ย…? แซนวิส โอวัลติน ไข่ดาว หรือจะเป็นซีเรียลดีน๊า…!! ถ้าคิดไม่ออก ลองเมนูบ้านๆ แบบที่คุณสาวๆ ไม่ค่อยนึกถึงกันดูบ้างสิคะ กับนี่เลยค่ะ ไข่ต้ม อาหารเช้า แบบธรรมดาๆ แต่คุณภาพล้นจาน
…..ไข่ต้ม เมนูอาหารที่ไม่ค่อยมีใครนึกถึง แต่ทราบกันมั้ยคะว่า ประโยชน์ของไข่ต้มนั้น มีมากกว่าที่คุณเห็น นอกจากจะให้โปรตีนสูงแล้ว ไข่ต้ม ฟองน้อยๆ ที่คุณเห็นนั้น ยังเปรี่ยมไปด้วย กรดอะมิโน ที่มีความจำเป็นต่อร่างกายเป็นอย่างมาก
…..แน่นอนค่ะ มีผลการวิจัยออกมาแล้ว จากการวิจัยของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด พบว่า ในไข่ขาวจะมีโปรตีนสูง และเป็นโปรตีนที่มีคุณภาพสูง คือมีกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย (Essential Amino Acid) ส่วนในไข่แดงนั้น ก็ยังมีสารอาหารหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นโปรตีน ไขมัน วิตามินและแร่ธาตุ ซึ่งมีคุณค่าเช่นเดียวกับไขมันในปลาแซลมอลและปลาทะเล
…..อ๊ะๆ ยังค่ะยังไม่หมดแค่นั้นนะคะ เพราะในไข่ต้มนั้น ยังมี ไขมันชนิดไม่อิ่มตัวหรือเอชดีแอล (HDL Cholesterol) ซึ่งเป็นไขมันชนิดดี ไม่มีผลต่อการเพิ่มคลอเลสเตอรอล ซึ่งส่งผลดีต่อร่างกาย ถ้าหากว่า คุณเลือกทานไข่ต้มเป็นประจำวันละ 1 ฟอง ก็จะสามารถช่วยป้องกันคุณ ให้ห่างไกลจาก โรคหัวใจ ได้อย่างแน่นอนค่ะ โดยไข่ต้ม 1 ฟอง จะมีน้ำหนักประมาณ 30 กรัม ซึ่งจะให้พลังงาน 80 กิโลแคลอรี่ คุณประโยชน์ ของ ไข่ต้ม ยังไม่หมดแค่นั้นนะคะ เพราะมีความเชื่อกันว่า ไข่ต้ม สามารถให้ประโยชน์ได้มาก เท่ากับการที่คุณสาวๆ ทานรังนก 10 กระปุกเลยล่ะค่ะ
…..โอ๊ะโอ…! รู้แบบนี้แล้ว คุณสาวๆ น่าจะลองดูกันกับ “ไข่ต้ม” เมนูนี้นะคะ ทางเลือกที่ได้ประโยชน์สูง แถมไม่เปลืองเวลาอีกด้วยล่ะค่ะ
เรียบเรียงโดย women.mthai