วันศุกร์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2554

เคล็ดลับหน้าใสไร้สิว

เคล็ดลับหน้าใสไร้สิว


พักนี้อากาศบ้านเราสุดแสนจะแปรปรวน เดี๋ยวฝนตกเดี๋ยวแดดออก ทำเอาผิวหน้าอ่อนแอได้ง่ายๆ เป็นเหตุให้ "สิว" ได้ใจจู่โจมกันใหญ่ อย่างนี้ต้องเตรียมรับมือ เพื่อผิวสวยหน้าใสจะได้อยู่กับเราตลอดไป

สาเหตุการ้เกิดสิว

1. ปัจจัยภายใน
- พันธุกรรม
- ภาวะร่างกายผิดปกติ เช่น เครียด พักผ่อนไม่เพียงพอ
- ฮอร์โมนต่าง ๆ ทั้งฮอร์โมนเพศชาย ที่กระตุ้นต่อมไขมันให้ขับไขมันส่วนเกินออกมาจนเกิดการอุดตัน และฮอร์โมนเพศหญิงที่เปลี่ยนแปลงในช่วงก่อนมีประจำเดือน

2. ปัจจัยภายนอก
มล ภาวะที่เราต้องเผชิญในแต่ละวัน ทั้งฝุ่นละออง ควันพิษ หรือแม้กระทั่งสารเคมีต่าง ๆ ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น สเปรย์ฉีดผม ยาฆ่าแมลง รวมถึงคราบเครื่องสำอางที่ทำความสะอาดไม่หมด ทำให้รูขุมขนอุดตันจนเกิดเป็นสิวได้

วิธีการดูแลผิว
1. ความสะอาด เป็นปราการป้องกันสิวด่านแรก ก่อนล้างหน้าสาว ๆ ควรล้างคราบเครื่องสำอาง และสิ่งสกปรกที่เผชิญมาตลอดทั้งวัน ด้วยน้ำมันเนื้อเจลที่มี Bi – Continuous ช่วยทำความสะอาดผิวและสารตกค้างในรูขุมขนได้อย่างหมดจด ยิ่งถ้ามีส่วนผสมของ Ac Control Oil และ Tricocaban จะช่วยบรรเทาอาการอักเสบ พร้อมคืนความชุ่มชื่นให้แก่ผิวได้ด้วย

2. ล้างหน้า ด้วยสบู่ที่ไม่ทำให้ผิวหน้าแห้งหรือมันจนเกินไป ด้วยเทคนิคง่าย ๆ เพียงถูสบู่ลงบนฝ่ามือให้เกิดฟองนุ่ม ๆ แล้วนำฟองนั้นมาล้างหน้าอย่างเบามือ จำไว้ว่า การล้างหน้าอย่างรุนแรงจะทำให้เกิดอาการระคายเคืองจนสิวลุกลามในที่สุด

3. หลังจากล้างหน้า ผิวอาจสูญเสียความชุ่มชื้นไปบ้าง จึงควรเช็ดผิวด้วยโลชั่นเพื่อปรับสมดุลและเรียกความชุ่มชื่นก่อนการบำรุงผิวในขั้นตอนต่อไป

4. ถึงคราวเติมความชุ่มชื่น ป้องกันสิว ด้วยการเลือกโลชั่นบำรุงผิวชนิด Oil – Free ช่วยให้ผิวเนียนนุ่ม และลดการทับถมตัวของเซลล์ผิวเสื่อมสภาพที่จะก่อให้เกิดการแพร่ตัวของแบคทีเรีย อันเป็นสาเหตุของสิว

5. สุดท้าย เพื่อป้องกันไม่ให้สูญเสียความชุ่มชื้นไปกับการนอนในห้องปรับอากาศ แนะนำให้เก็บกักความชุ่มชื้นด้วย แป้งถนอมผิวที่มี Sulfer ช่วยลดการก่อตัวของสิว และ Hydrophobic Coating Powder ช่วยดูดซับซีบัมส่วนเกินและเอนไซม์ต่างๆที่ออกมาทำร้ายผิวยามหลับใหล
สิว...ต้องรู้

สิว...ต้องรู้


สิว...ต้องรู้

สิวเป็นโรคผิวหนังที่เริ่มพบได้บ่อยในวัยรุ่น เกิดจากสาเหตุร่วมกันคือ การอุดตันในรูขุมขนเกิดเป็น โคมิโดน(สิวเสี้ยน) การขยายขนาดและการหลั่งไขมันเพิ่มของต่อมไขมัน ร่วมกับเชื้อแบคทีเรียในขุมขนทำให้เกิด การอักเสบ เป็นตุ่มหนอง

ปัจจัยที่ทำให้เกิดสิว

1. กรรมพันธุ์/อายุ จะพบมากในวัยหนุ่มสาวเนื่องจาก ฮอร์โมนเพศมีฤทธิ์กระตุ้นการทำงานของต่อมไขมัน

2. ยา / เครื่องสำอางบางอย่าง เช่น ครีมบำรุงผิว ครีมกันแดด สบู่บางอย่าง น้ำมันแต่งผม ทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน

3. การระคายเคือง เช่น การเสียดสี ถูไถ การนวดหน้า การล้างหน้า เป็นต้น

4. อารมณ์เครียด ความกังวล ทำให้สิวเห่อได้

5. อาหารบางชนิด อาจมีส่วนกระตุ้น เช่นผู้ป่วยบางรายจะสังเกตพบว่าสิวเห่อจากการรับประทานอาหารบางประเภท เช่น ถั่ว ของหวาน ของมันๆ ช็อกโกแลต

6. ผู้หญิงหลายคนสังเกตว่า ช่วงมีประจำเดือนสิวเห่อมากขึ้น ซึ่งเกิดจากความเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย

การปฏิบัติตน

1. หลีกเลี่ยงสาเหตุที่ทำให้เกิดสิว เช่น เครื่องสำอางที่เพิ่มความมันบนใบหน้า การนวดและการขัดหน้า

2. ล้างหน้า ฟอกสบู่อ่อนเพียงวันละ 2-3 ครั้งเท่านั้น ไม่ควรฟอกสบู่บ่อยเกินไป เพราะจะระคายรูขุมขนและทำให้สิวเห่อ/อักเสบ ขึ้นได้

3. หากต้องใช้เครื่องสำอางหรือโลชั่น ควรเลือกใช้ ชนิดOil-free ที่ไม่ก่อให้เกิดสิว (nonacnegenic) และไม่ก่อการอุดตัน (noncomedogenic)

4. อย่าบีบ หรือแกะหัวสิวให้แตกเอง เพราะจะทำให้อักเสบมากขึ้น หายช้าลง ทำให้เกิดแผลเป็นได้

5. พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ทำจิตใจให้แจ่มใส ไม่เครียด หรือวิตกกังวลเกินไป

6. ถ้าเป็นสิวหัวหนอง หรือมีการอักเสบมาก ควรพบแพทย์เพื่อจะได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง เพื่อป้องกันการเกิดแผลเป็นจากสิว

การรักษาสิว ผู้ป่วยควรจะเข้าใจว่า การรักษาสิวต้องใช้ระยะเวลาพอสมควรในการขจัดการอุดตันของรูขุมขน โดยทั่วไปต้องใช้ยาอย่างสม่ำเสมอนาน 6-8 สัปดาห์ ก่อนจะเริ่มเห็นผลดีขึ้น และมักต้องใช้ยาต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานหลายเดือน

ชนิดของยาแก้สิว

1.ยาทาช่วยลดความมันบนใบหน้าจะลดการอุดตันและการอักเสบได้บ้าง : AHA BHA แป้งน้ำ

2.ยาละลายการอุดตันและโคมิโดน เช่น ยาทากรดวิตามินเอ

3.ยาทาที่ชวยลดเชื้อแบคทีเรียในขุมขน และ ยาทาปฏิชีวนะ ในสิวอักเสบเป็นตุ่มแดง : benzoyl peroxide, clindamycin

4.ยารับประทาน ควรใช้กรณีมีสิวอักเสบมาก หรือมีแผลเป็น โดยยาที่ใช้มักเป็นยากลุ่มปฏิชีวนะ, ยารับประทานวิตามินเอสังเคราะห์ เป็นต้น เนื่องจากยารับประทานรักษาสิวมักจะต้องใช้ติดต่อเป็นเวลาหลายเดือน และพบผลข้างเคียงได้ ดังนั้นควรให้แพทย์เป็นผู้พิจารณาสั่งการรักษา การใช้ยาทารักษาสิว

ยาทาสิวเกือบทุกชนิดอาจทำให้เกิดอาการผิวแดง แห้ง ลอกเล็กน้อยในระยะแรก

บางคนอาจมีสิวเห่อขึ้นได้ในระยะแรก

1. อย่าทายาทันทีหลังล้างหน้าใหม่ๆ ควรรอ 20-30 นาที ให้ผิวแห้งก่อนจะช่วยลดอาการระคายเคืองจากยา

2. ใช้ยาปริมาณเพียงเล็กน้อยทาทั่วบริเวณที่เป็นสิวหลีกเลี่ยงบริเวณผิวอ่อนๆ เช่น ขอบตา, ข้างจมูก, มุมปาก

3. อาจทายาเพียง 30 นาที – 1 ชั่วโมงแล้วล้างออกค่อยๆเพิ่มเวลาขึ้นช้าๆ จนไม่เกิดปัญหาการระคาย

4. หากผิวแห้งหรือระคายสามารถใช้ครีมให้ความชุ่มชื้นที่ไม่ก่อให้เกิดสิว (nonacnegenic) และไม่ก่อให้เกิดการอุดตันรูขุมขน (non comedogenic)ตามแพทย์แนะนำ 
สิว และวิธีแก้ปัญหาเกี่ยวกับสิวเบื้องต้น

สิว และวิธีแก้ปัญหาเกี่ยวกับสิวเบื้องต้น


สิว และวิธีแก้ปัญหาเกี่ยวกับ สิว เบื้องต้น
Acne

สิวเป็นการอักเสบของระบบต่อมไขมัน [sebaceous ]ในรูขุมขน ปกติไขมันที่สร้างจากต่อมจะออกมาตามเส้นขน สิวเกิดจากไขมันไม่สามารถออกจากเส้นขนได้ สิวมีหลายชนิดที่พบเสมอ มีสิวธรรมดา [acne vulgaris] สิวหัวดำ สิวที่มีการอักเสบ [papulonodular] บางรายมีตุ่มหนอง papulopustular ร่วมด้วย

สาเหตุของสิว

ปัจจัยที่ทำให้เกิดสิวได้แก่

ฮอร์โมน ร่างกายสร้างฮอร์โมน androgen ทำให้เกิดการสร้างไขมันเพิ่ม โดยมากฮอร์โมนจะเริ่มสร้างขณะอายุ 11-14 ปี ดังนั้นจึงพบว่าสิวเกิดมากวัยนี้ และอาจจะเป็นอยู่ 5-6 ปีก็จะดีขึ้น สำหรับผู้หญิงสิวจะเกิดมากน้อยตามประจำเดือน
การผลิตไขมันเพิ่มขึ้น ทำให้ไขมันซึ่งออกตามเส้นผมผสมกับเซลล์ผิวหนัง และเชื้อแบคทีเรียเกิดอุดตันกลายเป็นสิว
มีการเปลี่ยนของรากผม รากผสมเจริญเร็ว เซลล์มีการแบ่งตัวมาก และเซลล์ที่ตายก็มาก เกิดการอุดตันของขุมขน
แบคทีเรีย โดยเฉพาะเชื้อ Propionibacterium acne
องค์ประกอบที่ทำให้สิวเป็นมากหรือน้อยได้แก่

กรรมพันธุ์
การทำงานของต่อมไขมัน ถ้าหน้ามันมากมีโอกาสเป็นสิวมาก
อาหารไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสิว ยกเว้นบางรายที่รับประทานอาหารแล้วมีอาการคัน
อากาศ บางรายเป็นมากในฤดูร้อน บางรายเป็นมากฤดูหนาว
อารมณ์เสียทำให้สิวเกิดมาก
การใช้เครื่องสำอาง ทำให้เกิดสิว เช่นการใช้สบู่ ยาสระผม เครื่องแต่งหน้า ครีมบำรุงผิวก่อนนอนโดยมากมักจะเกิดสิวชนิด papule หลังใช้ไม่กี่วัน การเลือกเครื่องสำอางควรจะเลือกผลิตภัณฑ์ที่ระบุว่าไม่ทำให้เกิดสิว แต่ก็ควรจะระวังในการใช้ ให้ล้างเครื่องสำอางด้วยน้ำยาล้าง หรือใช้สบู่และน้ำล้างออกอย่าถูแรง
การระคายผิว เช่น การถูไถ การนวดหน้า สารเคมี
ยาเช่น INH, Iodides,Bromide,Steroid,ยาคุมกำเนิด testosterone ,gonadotropin, anabolic steroid เป็นฮอร์โมนที่ใช้สำหรับนักเพาะกาย,steroid ,ยากันชัก ยารักษาวัณโรค[inh],lithium
ตำแหน่งที่พบสิว




ส่วนใหญ่พบบริเวณที่มีไขมันมากได้แก่หน้าไหล่ หลัง หน้าอก

การรักษาสิว

งดใช้เครื่องสำอางทุกชนิด
งดยาหรือครีมทาหน้าก่อนนอน
ห้ามบีบหรือแกะสิวเด็ดขาด เพราะทำให้สิวลุกลาม
อาหารไม่มีข้อยกเว้น
ห้ามล้างหน้าหรือถูหน้าแรงๆ ให้ล้างหน้าวันละ 2 ครั้งโดยใช้สบู่อ่อนใช้ผ้าซับเบาๆ
คนที่หน้ามันให้ล้างหน้าด้วยสบู่อย่างน้อยวันละ 4 ครั้ง
การเลือกยาทาสิวขึ้นกับชนิดของสิวซึ่งจะกล่าวตามชนิดของสิว
การเลือกยารับประทานขึ้นกับชนิดของสิวซึ่งอยู่ในความดูแลของแพทย์
ยารักษาสิว

การแบ่งชนิดของสิว

รูปตัดขวางของผิวหนัง


A=เป็นต่อมขุมขนปกติ B=สิวหัวดำ C=สิวหัวขาว D=สิวที่เริ่มเป็นตุ่ม E=สิวอักเสบและเป็นหนอง

รูปตัดขวางของผิวหนัง


แบ่งตามลักษณะของสิวหรือความรุนแรงที่พบบ่อยได้ดังนี้ ท่านสามารถคลิกดูภาพตัวอย่างและการรักษา

สิวธรรมดาหัวดำ สิวหัวขาว สิวหัวช้าง สิวและหนอง

ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสิว

สิวเกิดจากความสกปรกของใบหน้าใช่หรือไม่ากคุณเชื่อความคิดนีุ้ณจะล้างหน้า บ่อยและล้างแรงซึ่งจะทำให้เกิดระคายเคืองต่อหน้าทำให้สิวเกิดมากขึ้นสิวมิ ใช่เกิดจากความสกปรกของหน้าร่วมกับความมันของหน้า แต่สิวเกิดจากการสะสมของไขมัน เซลล์ตายของผิวหนังและสิ่งสกปรก วิธีที่ถูกต้องให้ล้างหน้าวันละ 2 ครั้งด้วยสบู่อ่อนและซับเบาๆด้วยผ้า

สาเหตุของสิวไม่ใช่เกิดจากอาหารเช่นช็อกโกเลต แต่แนะนำให้กินอาหารที่มีคุณภาพ
ความเครียดก็ไม่ใช่สาเหตุของสิว แต่คนที่เครียดมากๆและได้ยาคลายเครียดอาจจะทำให้เกิดสิวจากยา
การรักษาสิวต้องใช่เวลา หากยาที่คุณใช้รักษาเองไม่หายควรที่จะปรึกษาแพทย์
สาเหตุของสิ่วส่วนใหญ่เกิดจากเครื่องสำอาง เช่น makeup ครีมรองพื้น moisturizers จะทำให้มีการอุดต่อมขุมขนทำให้เกิดสิว
สิ่งแวดล้อมก็มีส่วนทำให้เกิดสิวเช่น ละอองไขมันจากการทำอาหาร น้ำมันเครื่องเป็นต้น
สิ่งที่ต้องระวังในการรักษาสิวสำหรับคนท้อง

อนุพันธ์ของวิตามินเอทั้งชนิดกินและทา เพราะอาจจะก่อให้เกิดผลเสียต่อการตั้งครรภ์
ยาคุมกำเนิด
ยาปฏิชีวนะกลุ่ม tetracyclin

การป้องกันสิว
- รักษาความสะอาด ล้างหน้าวันละ 2-3 ครั้ง เพื่อลดความมันบนใบหน้า
- หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของไขมัน
- อย่าใช้มือที่ไม่สะอาดสัมผัสใบหน้า หรือรบกวนใบหน้าเช่น แคะ แกะ เกา
- อย่าบีบหรือแกะสิว จะทำให้เกิดรอยแผลเป็น
- ควรรักษาสุขภาพทั่วไปให้ดี ไม่นอนดึกและหลีกเลี่ยงความเครียด

การรักษาสิวด้วยสมุนไพร
อย่างที่เรารู้ ๆ กันนะคะว่า กลไกของการเกิดสิวนั้นมีด้วยกันหลายอย่าง เช่น อารมณ์ก็ทำให้เกิดสิวได้ เครียดมากก็สิวเห่อ อาหารบางอย่างก็ทำให่มีสิวได้เหมือนกัน เครื่องสำอางค์ยิ่งหนักถ้าใช้แล้วแพ้ ล้างไม่สะอาด ไปอุดรูขุมขน

การดูแลใบหน้าให้สวยเปล่งปลั่งนั้น ทางทีดีเราควรจะเริ่มตั้งแต่การป้องกันค่ะ ไม่ใช่เกิดปัญหาแล้วค่อยมารักษา ซึ่งปัจจุบันนิ้ทั้งสาวน้อยสาวใหญ่ หันมามอบความไว้วางใจให้กับสมุนไพรกันมากขึ้น ด้วยหวังว่ามันจะไม่ทำให้เกิดผลกระทบหรือผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย


สมุนไพรอย่างหนึ่งที่พูดถึงกันมากในสรรพคุณของการรักษาสิวก็คือ ว่านหางจระเข้ค่ะ ซึ่งเป็นสมุนไพรจำพวกที่ใช้ใบ ภายในจะมีวุ้นใส ๆ และยางเหลือง ๆ ยางสีเหลืองตัวนี้ต้องระวังนะคะเพราะอาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้ ถ้าเผลอเอาไปทาจะแสบร้อน บางคนก็จะแพ้เป็นผิวผื่นคัน ซึ่งถ้าหากอยากทราบว่าเราจะแพ้หรือเปล่า ก็ให้นำว่านหางจระเข้ที่ตัดมาใหม่ ๆ ทางบริเวณท้องแขน ทิ้งไว้ประมาณ 3 นาที ถ้ามีอาการคัน แปลว่าผิวเราแพ้ค่ะ

ส่วนใหญ่เราจะเห็นเขานิยมนำว่านหางจระเข้มาทาหน้า แต่ว่านชนิดนี้จะไม่เหมาะกับคนผิวหน้าแห้งนะคะ ถ้านำมาใช้เดี่ยว ๆ จะทำให้ผิวหน้าแห้งลงไปอีก ถ้าจะนำมาใช้ให้ผสมกับน้ำมันมะกอกหรือไข่แดง คนแรง ๆ ให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียวนำมาพอกหน้าทิ้งไว้สักพักแล้วล้างออกผิวหน้าจะใส ชุ่มชื่นค่ะ แต่สำหรับคนที่ผิวมันให้นำว่านที่ตัดใหม่ ๆ ไปแช่น้ำให้ยางสีเหลืองไหลออกหมดก่อนแล้วให้ลอกเอาเฉพาะวุ้นที่อยู่ข้างในมา ทาหรือพอกหน้าไว้สักพัก หน้าจะตึง รูขุมขนจะถูกบีบให้เล็กลง ทำให้ความมันบนใบหน้าลดลงได้ค่ะ

ส่วนใครที่เป็นสิวอักเสบ ก็ไม่ควรใช้ว่านหางจระเข้เช่นกันนะคะ เพราะจะทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่าย นอกจากนี้ ใครที่มีความกังวลเรื่องฝ้า การใช้ว่านหางจระเข้แม้จะไม่ใช่การรักษา แต่เป็นการป้องกันที่ดีค่ะ เราสามารถนำมาทาเพื่อป้องกันรังสี UV ได้ ซึ่งเมื่อใช้เป็นประจำก็จะทำให้ปัญหาเรื่องฝ้าลดน้อยลง

นอกจากว่านหางจระเข้แล้ว ยังมีสมุนไพรอื่น ๆ อีกที่เราสามารถนำมาใช้บำรุงผิวหน้าได้ อย่างเช่น หอมแดง เมื่อเรานำมาฝานเป็นแว่น ๆ บาง ๆ นำไปทาบริเวณที่เป็นสิว รอยด่างดำ ทาทิ้งไว้ประมาณ 10 นาทีแล้วล้างออก ใช้เป็นประจำรอยสิวจะหายไปค่ะ

กล้วยหอม ก็มีประโยชน์ต่อผิวพรรณเช่นกัน ถ้าเรานำกล้วยหอม 1 ผล ไปปั่นกันน้ำผึ้ง ? ถ้วย นำมาพอกหน้าไว้ 15-20 นาที แล้วล้างออกจำทำให้หน้าตาผิวพรรณสดใส ส่วนมะนาว นำมาใช้ประโยชน์ในการดูแลใบหน้าได้มากทีเดียวค่ะ เราใช้มะนาวล้างหน้าแทนสบู่หรือโฟมได้ หรืออาจจะใช้ไข่ขาว 1 ช้อนชา ดินสอพอง 2 เม็ดใหญ่ มะนาว ? ลูก น้ำผึ้ง 1 ช้อน น้ำมันมะกอก ? ช้อนชา ผสมให้เข้ากันจะได้ครีมข้นนำมาพอกหน้า พอกตัวประมาณ 20-30 นาที แล้วล้างออก ทำวันเว้นวัน ไม่นานค่ะ ผิวพรรณจะใสนุ่มเนียน